ระเบียบข้อปฏิบัติสำหรับธรรมบริกร

สาสน์จากท่านอาจารย์โกเอ็นก้าเรื่อง คุณค่าของการรับใช้ธรรมะ
แปลจากคำบรรยายเรื่อง คุณค่าของการเป็นธรรมบริกร โดยท่านอาจารย์โกเอ็นก้า

ขอให้เข้าใจว่า ในขณะที่ท่านรับใช้ธรรมะ ท่านก็ได้ฝึกนำธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะการปฏิบัติธรรมไม่ใช่การหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบในชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ที่จะใช้ธรรมะในการช่วยเหลือผู้เข้ารับการอบรมและในสถานการณ์ต่างๆ ในโลกเล็กๆ ของศูนย์ปฏิบัติธรรมนี้ จะเป็นการฝึกให้ท่านปฏิบัติเช่นเดียวกันกับผู้อื่นในโลกภายนอก ในการรับใช้ของท่านไม่ว่าจะมีเรื่องใดที่ไม่น่าพอใจเกิดขึ้น ท่านจะได้ฝึกรักษาอุเบกขาแห่งจิต และสร้างความรักความเมตตาให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง นี่คือสิ่งที่ท่านจะเรียนรู้ เพราะท่านก็คือผู้ที่กำลังฝึกปฏิบัติคนหนึ่งเช่นเดียวกันกับผู้เข้ารับการอบรมคนอื่นๆ

ขอให้ท่านพยายามเรียนรู้ในระหว่างที่รับใช้ผู้อื่นด้วยความถ่อมตน และระลึกอยู่เสมอว่า "เรามาเพื่อฝึกรับใช้ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน เรากำลังทำงานเพื่อให้ผู้อื่นได้รับธรรมะ เราจะทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้เข้ารับการอบรมซึ่งก็เป็นการฝึกตัวเราเองเช่นกัน"

ขอให้ธรรมบริกรทุกท่านจงเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป ขอให้ท่านจงฝึกสร้างความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น ขอให้ท่านทั้งหลายจงก้าวหน้าในธรรม ได้พบกับความสงบอันแท้จริง มิตรไมตรีอันแท้จริง ความสุขอันแท้จริง

เอส. เอ็น. โกเอ็นก้า

เพื่อให้ท่านได้รับประโยชน์สูงสุดจากการรับใช้ธรรมะ โปรดอ่านข้อมูลต่อไปนี้อย่างละเอียดก่อนเริ่มการอบรม

การรับใช้ธรรมะเพื่อประโยชน์ผู้อื่น

การรับใช้ธรรมะเพื่อประโยชน์ผู้อื่นเป็นหัวใจของเส้นทางธรรมะ เป็นย่างก้าวสำคัญสู่การหลุดพ้น การปฏิบัติวิปัสสนาจะค่อยๆ ขจัดความไม่บริสุทธิ์ของจิตจนเกิดความสงบสุขภายใน ในช่วงแรกๆ ความทุกข์ที่ลดลงอาจจะเล็กน้อย แต่ก็ยังนำมาซึ่งความซาบซึ้งที่ได้รับธรรมะอันประเสริฐ ด้วยความรักความเมตตาที่เกิดขึ้น จึงปรารถนาที่จะช่วยผู้อื่นให้พ้นทุกข์ด้วย การรับใช้ธรรมะโดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นโอกาสแสดงความกตัญญูต่อคำสอนโดยการช่วยเหลือให้ผู้อื่นได้รับธรรมะ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาบารมีทั้งสิบและลดอัตตาตัวตน

คุณสมบัติของผู้รับใช้ธรรมะ

ผู้ปฏิบัติที่เคยผ่านการอบรมหลักสูตรครบ 10 วันตามแนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า และไม่ปฏิบัติในแนวทางอื่นหลังจากผ่านการอบรมครั้งล่าสุด สามารถสมัครเป็นผู้รับใช้ธรรมะได้ และควรปฏิบัติวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ครั้งละ 1 ชั่วโมงเป็นประจำทุกวัน

ข้อปฏิบัติของผู้รับใช้ธรรมะ

เว้นแต่มีการระบุไว้เป็นอย่างอื่น ธรรมบริกรควรปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ได้ถูกกำหนดไว้ในหลักสูตรอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกับผู้เข้ารับการอบรม อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีอาจได้รับอนุญาตให้มีการผ่อนปรนตามความจำเป็น

ศีล 5

ศีล 5 เป็นรากฐานของการปฏิบัติธรรม ซึ่งได้แก่

  1. ไม่ฆ่าสัตว์ทุกชนิด
  2. ไม่ลักทรัพย์
  3. ประพฤติพรหมจรรย์ (โดยในบริเวณศูนย์ฯ จะต้องงดเว้นพฤติกรรมทางเพศทั้งหมด)
  4. ไม่พูดปด ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ
  5. ไม่เสพของมึนเมา

ศีล 5 เป็นข้อปฏิบัติที่ทุกคนในศูนย์ปฏิบัติธรรมจะต้องรักษาอย่างเคร่งครัว และหวังว่าธรรมบริกรทุกท่านพยายามรักษาศีล 5 อย่างจริงจังในชีวิตประจำวันด้วย

การยอมรับคำแนะนำ

ธรรมบริกรควรปฏิบัติตามคำแนะนำของอาจารย์และอาจารย์ผู้ช่วยสอน รวมทั้งฝ่ายจัดการและคณะกรรมการศูนย์ฯ และน้อมรับคำแนะนำของผู้มีอาวุโสกว่าในเรื่องการปฎิบัติหรือการรับใช้ธรรมะ การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว หรือริเริ่มวิธีใหม่โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือขัดต่อกฎระเบียบที่มีอยู่จะทำให้เกิดความสับสนและความซ้ำซ้อนในการทำงาน ซึ่งอาจทำให้เสียเวลาและทรัพยากรที่มีอยู่ การยืนกรานที่จะทำงานตามอำเภอใจ ถือเป็นการขัดแย้งกับแนวทางและบรรยากาศของความร่วมมือและความสอดคล้องกลมเกลียวของธรรมะ การปฏิบัติตามคำแนะนำจะช่วยทำให้ธรรมบริกรเรียนรู้ที่จะแยกแยะความชอบส่วนตัวและอคติ และทำงานเพื่อประโยชน์ของผู้เข้ารับการอบรม และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและความสามัคคีภายในศูนย์ฯ เมื่อมีปัญหาควรแก้ไขอย่างเปิดใจด้วยความอ่อนน้อม การนำเสนอหนทางแก้ไขปัญหาในเชิงบวกเป็นที่ยินดีรับฟังเสมอ

การให้ความสำคัญแก่ผู้เข้าอบรม

ในทุกๆ สถานการณ์ ธรรมบริกรควรคำนึงถึงความสะดวกสบายและสวัสดิภาพของผู้เข้ารับการอบรม เพราะศูนย์ฯ และหลักสูตรต่างๆมีไว้เพื่อสอนธรรมะแก่ผู้มาปฏิบัติธรรม ดังนั้น ผู้เข้ารับการอบรมจึงเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุด และเป็นผู้ที่กำลังทำงานที่สำคัญที่สุด หน้าที่ของธรรมบริกรคือการช่วยเหลือผู้เข้ารับการอบรมในทุกๆ ด้านเท่าที่จะช่วยได้ ผู้เข้ารับการอบรมจึงควรได้ที่พักก่อน ควรได้อาหารก่อน ธรรมบริกรควรรอให้ผู้เข้ารับการอบรมทุกคนได้รับประทานอาหารก่อนที่จะรับประทานเอง (นอกจากในกรณีที่มีงานเร่งด่วน) และไม่ควรนั่งร่วมกับผู้เข้ารับการอบรมในห้องอาหาร ไม่ควรอาบน้ำหรือซักผ้าในขณะที่ผู้เข้ารับการอบรมกำลังทำสิ่งเหล่านั้นอยู่ ไม่ควรเข้านอนก่อนผู้เข้ารับการอบรม เพราะอาจมีผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ การใช้สถานที่หรือของใช้อื่นๆ ก็ควรให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ใช้ก่อน ธรรมบริกรควรหลีกเลี่ยงการรบกวนผู้เข้ารับการอบรมในทุกกรณี

การปฏิบัติต่อผู้เข้ารับการอบรม

การติดต่อโดยตรงกับผู้เข้ารับการอบรม ควรเป็นหน้าที่ของผู้จัดการหลักสูตรเท่านั้น โดยผู้จัดการฝ่ายหญิงเป็นผู้ติดต่อกับผู้เข้ารับการอบรมหญิง ผู้จัดการฝ่ายชายติดต่อกับผู้เข้ารับการอบรมชาย โดยต้องดูแลให้ผู้เข้ารับการอบรมทำตามกฎระเบียบและตารางเวลา และอาจจำเป็นต้องตักเตือนผู้ที่ฝ่าฝืนระเบียบ ซึ่งหน้าที่นี้ควรปฏิบัติด้วยความอ่อนโยน เป็นมิตร ด้วยความปรารถนาให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถผ่านพ้นความยากลำบากต่างๆไปได้ ควรระมัดระวังในการใช้คำพูดให้เหมาะสม ไม่ควรใช้ถ้อยคำที่รุนแรงหรือหยาบคาย ทุกครั้งที่มีการฝ่าฝืนระเบียบ ควรถามถึงสาเหตุโดยไม่ควรสรุปเอาจากสิ่งที่เห็น

ธรรมบริกรทุกคนควรปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุภาพอ่อนน้อม และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเมื่อผู้เข้ารับการอบรมร้องขอ โดยควรถามชื่อผู้เข้ารับการอบรมไว้ด้วยทุกครั้ง ธรรมบริกรควรแนะนำให้ผู้เข้ารับการอบรมไปหาอาจารย์หรือผู้จัดการหลักสูตรตามความเหมาะสม ควรใช้คำพูดที่กระชับ และรบกวนผู้เข้ารับการอบรมให้น้อยที่สุด เมื่อผู้เข้ารับการอบรมถามเกี่ยวกับการปฏิบัติ ท่านไม่ควรตอบ แต่ควรแนะนำให้ถามอาจารย์ และควรแจ้งให้อาจารย์ทราบทุกครั้งที่มีการติดต่อกับผู้เข้ารับการอบรม ท่านไม่ควรนำเรื่องส่วนตัวของผู้เข้ารับการอบรมไปเล่าให้ธรรมบริกรท่านอื่นฟัง หรือเปิดเผยให้ผู้อื่นได้รับทราบโดยไม่จำเป็น ทั้งในครัวหรือที่อื่นๆ

การปฎิบัติวิปัสสนาของธรรมบริกร

ธรรมบริกรควรรับใช้ธรรมะอย่างมีสติ รวดเร็ว และใส่ใจกับงานที่กำลังทำอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันต้องปฏิบัติวิปัสสนาไปด้วยอย่างน้อย 3 ชั่วโมงต่อวัน ถ้าเป็นไปได้คือในชั่วโมงอธิษฐาน เวลา 8:00 น. 14:30 น. และ 18:00 น. นอกจากนี้ ทุกคืนก่อนการประชุมธรรมบริกรกับอาจารย์ผู้ช่วยสอนจะมีการปฏิบัติช่วงสั้นๆเวลา 21:00 น. ที่มีความสำคัญสำหรับธรรมบริกร ตลอดการอบรมธรรมบริกรควรปฏิบัติวิปัสสนาเป็นส่วนใหญ่ และปฏิบัติอานาปานสติเมื่อจำเป็น ในชั่วโมงอธิษฐานธรรมบริกรสามารถเปลี่ยนท่านั่งได้

ธรรมบริกรมีหน้าที่สังเกตตนเองทุกขณะและควรฝึกอุเบกขาในทุกสถานการณ์และระมัดระวังเรื่องอารมณ์ตนเอง  ถ้าไม่สามารถทำได้เนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยหรือเหตผลอื่นใดก็ตาม ธรรมบริกรควรปฏิบัติหรือพักผ่อนให้มากขึ้น ไม่ว่าขณะนั้นงานจะเร่งรีบเพียงใด  ไม่ควรคิดเองว่างานจะขาดตนไม่ได้  หากพื้นฐานของจิตไม่คิดในแง่ดี งานที่ทำเสร็จลุล่วงก็จะไม่เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง  ธรรมบริกรหรือเจ้าหน้าที่ที่อยู่ศูนย์ระยะยาวจะต้องเข้าอบรมเป็นผู้ปฏิบัติในหลักสูตร 10 วันเป็นระยะๆ ไม่คาดหวังจะได้รับสิทธิพิเศษใด ๆ อันเนื่องมาจากการช่วยงานศูนย์ฯเป็นประจำ

การเข้าพบอาจารย์

ธรรมบริกรควรปรึกษาอาจารย์เมื่อมีปัญหาหรือพบอุปสรรค เวลาที่เหมาะสมในการสอบถามปัญหาการทำงานคือ เวลาค่ำหลังช่วงปฏิบัติเมตตาของธรรมบริกร (หลัง 21.00 น.) นอกจากนี้ ธรรมบริกรยังสามารถนัดเวลาเพื่อปรึกษาเรื่องการปฏิบัติเป็นการส่วนตัวได้ ถ้าอาจารย์ไม่สะดวก ธรรมบริกรควรปรึกษากับผู้จัดการศูนย์ฯ ผู้ซึ่งจะนำเรื่องไปเรียนให้อาจารย์ทราบในภายหลัง

การแยกชาย-หญิง

ธรรมบริกรชาย-หญิง ควรแยกกันตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่ศูนย์ฯ ทั้งในขณะที่มีการอบรมและช่วงพักระหว่างหลักสูตร แต่เนื่องจากธรรมบริกรจะต้องมีการประสานงานและปรึกษางานกัน จึงไม่อาจแยกชาย-หญิงได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งธรรมบริกรจะต้องระวังที่จะไม่ปล่อยให้มีการสังสรรค์ระหว่างชายกับหญิงเกินกว่าความจำเป็นของงาน โดยเฉพาะในกรณีคู่สามีภรรยาที่มาเป็นธรรมบริกรพร้อมกัน จะต้องระวังที่จะไม่พูดคุยกันเกินความจำเป็น

การสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวกัน

เพื่อรักษาบรรยากาศแห่งธรรมะอันบริสุทธิ์และเกื้อกูลต่อการปฏิบัติของแต่ละบุคคล และเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีต่อผู้ปฏิบัติ ธรรมบริกรจะต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสตัวผู้อื่น ทั้งกับผู้ปฏิบัติธรรมและธรรมบริกรด้วยกันเอง ทั้งเพศเดียวกันและต่างเพศ ตลอดเวลาที่อยู่ภายในศูนย์ฯ

สัมมาวาจา

ธรรมบริกรควรรักษาความเงียบอันประเสริฐเมื่ออยู่ในศูนย์ปฏิบัติธรรมและพูดเฉพาะเมื่อจำเป็น นอกจากนี้ ควรรักษาบรรยากาศแห่งความสงบเงียบในศูนย์ฯ แม้ว่าจะอยู่ในหลักสูตรการอบรมหรือไม่ก็ตาม หรือผู้ปฏิบัติจะไม่อยู่ในระยะที่ได้ยินหรือไม่ก็ตาม สิ่งสำคัญก็คือไม่รบกวนความเงียบของสถานที่โดยไม่จำเป็น การยึดหลักเช่นนี้จะเอื้อต่อการปฏิบัติธรรมของตนเองและของทุกท่านที่อยู่ในศูนย์ฯ

ธรรมบริกรต้องมีสัมมาวาจาในขณะที่พูด คืองดเว้นจาก:

  • การพูดเท็จ พูดไม่จริง
  • การพูดคำหยาบ และถ้อยคำที่รุนแรง ควรพูดจาสุภาพอ่อนน้อม
  • การส่อเสียดใส่ร้าย หรือนินทาลับหลัง ไม่ควรมีการวิจารณ์ผู้อื่นจากความรู้สึกของตัวเอง เมื่อมีปัญหากับใคร ควรพูดคุยกับผู้นั้นโดยตรง หรือนำปัญหาไปปรึกษากับอาจารย์ผู้ช่วยสอนหรือฝ่ายจัดการศูนย์ฯ
  • การพูดเพ้อเจ้อ ไร้สาระ ร้องเพลง ผิวปาก หรือฮัมเพลง

การเจริญสัมมาวาจานั้นปฏิบัติยากยิ่งกว่าการปิดวาจา ดังนั้น จึงเป็นการฝึกที่สำคัญยิ่งสำหรับทุกท่านบนเส้นทางธรรม

การแต่งกาย

บุคคลภายนอกจะมองธรรมบริกรเป็นตัวแทนของหลักสูตรการสอนและศูนย์ฯ ดังนั้น ธรรมบริกรควรแต่งกายสุภาพ เรียบร้อย และสะอาด ตลอดการอบรม ธรรมบริกรไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดรูป เสื้อผ้าเนื้อบาง สีสันฉูดฉาด ไม่เหมาะสม หรือดึงดูดความสนใจเกินควร (เช่นกางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น กางเกงรัดรูป เสื้อไม่มีแขน เสื้อกล้าม) และไม่ควรใส่เครื่องประดับหรือใส่ให้น้อยที่สุด

สิ่งเสพติด

ผู้ที่เข้ามาบนเส้นทางธรรมต้องงดสิ่งเสพติดมึนเมาทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสุรา กัญชา กระท่อม ยาบ้า เป็นต้น หรือแม้กระทั่งบุหรี่ หรือยาสูบในรูปแบบต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งต้องห้ามภายในบริเวณศูนย์ฯ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร และห้ามผู้ปฏิบัติและธรรมบริกรออกจากศูนย์ฯ เพื่อไปสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด

อาหาร

ศูนย์ฯให้บริการอาหารมังสวิรัติที่เรียบง่ายและเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยไม่ได้ทำตามความเชื่อหรือหลักปรัชญาทางอาหารใดๆ ธรรมบริกรก็เช่นเดียวกับผู้เข้ารับการอบรม ควรยอมรับอาหารตามที่มีด้วยความอ่อนน้อมและปราศจากอัตตา

อาหารทุกอย่างในศูนย์ฯ จะต้องเป็นมังสวิรัติ จึงไม่ควรนำอาหารที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือเหล้า ไข่หรือส่วนผสมของไข่ (อาหารอบบางชนิด มายองเนส ฯลฯ) หรือชีสที่มีส่วนผสมของสัตว์ เข้ามาในศูนย์ฯ ควรนำอาหารจากข้างนอกเข้ามาในศูนย์ฯให้น้อยที่สุด

ธรรมบริกรรักษาศีล 5 ฉะนั้นสามารถรับประทานอาหารเย็นได้ถ้าต้องการ และไม่ควรอดอาหาร

การอ่านหนังสือ

ธรรมบริกรที่ต้องการติดตามข่าวสารภายนอกสามารถอ่านหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารข่าว ได้แต่เฉพาะในที่ซึ่งจัดไว้สำหรับธรรมบริกรและไม่อยู่ในสายตาของผู้ปฏิบัติ ธรรมบริกรที่ประสงค์จะอ่านหนังสืออื่นนอกเหนือจากข่าวสารสามารถเลือกอ่านจากห้องสมุดธรรมะของศูนย์ฯ แต่ไม่อนุญาตให้อ่านนวนิยายหรือหนังสือเพื่อความบันเทิง

การติดต่อบุคคลภายนอก

แม้ธรรมบริกรไม่ถูกจำกัดในการรับรู้ข่าวสารจากโลกภายนอกเช่นผู้ปฏิบัติ แต่ก็ไม่ควรออกจากเขตการอบรม เว้นแต่มีเหตุจำเป็นจริงๆ และได้รับอนุญาตจากอาจารย์ประจำหลักสูตร ธรรมบริกรควรใช้โทรศัพท์เฉพาะในกรณีที่จำเป็น  และระหว่างการอบรมธรรมบริกรสามารถต้อนรับบุคคลภายนอกได้ ต่อเมื่อมีการแจ้งและได้รับอนุญาตล่วงหน้า

การรักษาความสะอาดภายในศูนย์

ธรรมบริกรมีหน้าที่ช่วยดูแลรักษาความสะอาดเรียบร้อยของศูนย์ฯ นอกจาก ห้องครัว ห้องทานอาหาร ห้องพัก ห้องปฏิบัติรวม และห้องน้ำแล้ว ธรรมบริกรควรดูแลสำนักงานและบริเวณอื่นๆด้วย นอกจากนี้ หากมีความจำเป็นธรรมบริกรควรพร้อมช่วยงานด้านอื่นๆ ด้วย

การใช้อุปกรณ์ของศูนย์

ผู้ปฏิบัติวิปัสสนาและธรรมบริกรทุกคนได้รับศีลข้อที่ต้องงดเว้นจากการหยิบสิ่งของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตมาเป็นของตน ดังนั้น ธรรมบริกรจึงต้องระมัดระวังที่จะไม่นำสิ่งของ หรือเครื่องใช้ของศูนย์ฯ มาใช้ส่วนตัว โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่ายจัดการฯ

การอยู่ที่ศูนย์ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน

ผู้ปฏิบัติธรรมที่สนใจการปฏิบัติอย่างจริงจัง อาจขออนุญาตจากอาจารย์เพื่ออยู่ระยะยาวที่ศูนย์ฯ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติได้เรียนรู้ธรรมะทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติอย่างลึกซึ้ง เพื่อที่จะมั่นคงในธรรมยิ่งขึ้น โดยในระหว่างนี้ท่านสามารถเข้ารับการอบรมสลับกับการเป็นเป็นธรรมบริกร ตามที่อาจารย์และฝ่ายบริหารเห็นว่าเหมาะสม

ทาน

กฎระเบียบของศูนย์ฯ กำหนดไว้ว่า จะไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ในระหว่างการอบรม ไม่ว่าจะเป็นค่าตอบแทนในการสอนธรรมะ ค่าอาหารและที่พัก หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่จัดให้แก่ผู้เข้ารับการอบรม กฎนี้ใช้กับธรรมบริกรเช่นเดียวกัน

การสอนธรรมะอันบริสุทธิ์ต้องเป็นการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน สำหรับอาหาร ที่พัก และสิ่งอื่นๆ เป็นทานที่ได้รับบริจาคจากผู้เข้าอบรมรุ่นก่อนๆ ดังนั้นผู้รับใช้ธรรมะจึงควรระลึกในเรื่องนี้อยู่เสมอ และพยายามให้บริการอย่างดี โดยไม่ทำให้ทานเหล่านี้ต้องสูญเปล่า เพื่อที่ผู้บริจาคทานจะได้ประโยชน์สูงสุดจากทานเหล่านี้ ในทำนองเดียวกันผู้รับใช้ธรรมะก็สามารถสร้างทานบารมีได้โดยการบริจาคทาน เพื่อให้ผู้อื่นได้รับธรรมะตามกำลังทรัพย์ของตน

ธรรมบริกรควรระลืกอยู่เสมอว่าการบริจาคทานไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองหรือการรับใช้ธรรมะเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นทั้งสิ้น การเป็นธรรมบริกรไม่ใช่เพื่อแลกเปลี่ยนกับอาหารหรือที่พัก แต่ผู้รับใช้ธรรมะได้ประโยชน์จากการฝึกตนเพื่อลดอัตตาและจากการสร้างบารมี ทั้งยังทำให้การปฏิบัติธรรมของตนเองมั่นคงและเข้มแข็งขึ้น อีกทั้งสามารถนำธรรมะไปประยุกต์ใช้ในโลกภายนอก โดยการฝึกการปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนน้อมถ่อมตัว และด้วยความรัก ความเมตตา

บทสรุป

ธรรมบริกรควรรับใช้ธรรมะโดยการปฏิบัติตามคำแนะนำของอาจารย์และผู้จัดการศูนย์ ควรพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อช่วยผู้เข้ารับการอบรมโดยไม่เป็นการรบกวน การทำหน้าที่ของธรรมบริกรควรสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความศรัทธาในผู้ที่มีความลังเลสงสัยในธรรมะ และเพิ่มพูนความศรัทธาในผู้ที่มีอยู่แล้ว ธรรมบริกรควรระลึกไว้เสมอว่าจุดประสงค์ของการรับใช้ธรรมะคือการช่วยเหลือผู้อื่น และเป็นการช่วยตนเองให้เติบโตในทางธรรม

หากกฎระเบียบเหล่านี้เป็นอุปสรรคใดๆสำหรับท่าน กรุณาขอความกระจ่างจากอาจารย์ หรือฝ่ายจัดการในทันที

ขอให้การรับใช้ธรรมะของท่าน จงเป็นปัจจัยให้ท่านเจริญก้าวหน้าบนเส้นทางแห่งธรรมะ นำท่านไปสู่ความหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง และได้พบกับความสุขอย่างแท้จริง

ขอสรรพสัตว์ทั้งหลาย จงมีความสุขโดยทั่วหน้ากัน!